มารู้จักอาหารแมวสำหรับน้องแมวกัน

มารู้จักอาหารแมวสำหรับน้องแมวกัน

สัตว์เลี้ยง

เรื่องใหญ่สำหรับเจ้าของน้องแมวหลายๆ คนที่เลี้ยงแมว (โดยเฉพาะคนที่เพิ่งเริ่มเลี้ยงแมว) หนีไม่พ้นเรื่องอาหารแมว

เพราะแค่จะเริ่มเลือกอาหารให้แมว ก็มีคำถามมากมายแล้วว่า หลังหย่านมเราจะเปลี่ยนอาหารให้กับน้องแมวเป็นอาหารเม็ดอย่างไรดี? เราควรเลือกอาหารแบบไหน? กินอาหารเม็ดแมวนานๆ น้องแมวจะเบื่อหรือไม่? กินแต่อาหารเปียกแมวได้หรือเปล่า? บทความนี้จะทำให้เจ้าของแมวทุกคนหมดทุกข้อสงสัย มาหาคำตอบเรื่องอาหารแมวไปด้วยกัน รับรองว่าน้องแมวของคุณจะอร่อยกับอาหารมื้อโปรด และมีสุขภาพดีจากอาหารที่เจ้าของเลือกสรรมาให้แล้วเป็นอย่างดีแน่นอน

โภชนาการอาหารที่จำเป็นสำหรับน้องแมวและลูกแมว

ตามธรรมชาติ แมวจัดเป็นสัตว์กินเนื้อ นั่นก็แปลว่าสารอาหารหลักที่แมวต้องการก็จะอยู่ในเนื้อสัตว์เป็นหลักนั่นเอง ดังนั้นสารอาหารที่แมวต้องการเป็นหลักก็คือ โปรตีน ส่วนอื่นๆ ก็จะอยู่ในกลุ่มของไขมัน คาร์โบไฮเดรต และกลุ่มวิตามิน แร่ธาตุ กรดไขมัน และกรดอะมิโนจำเป็นต่างๆ

แต่ไม่ใช่ว่าแมวทุกวัยจะต้องการปริมาณสารอาหารเท่าๆ กันนะ เพราะแมวแต่ละวัยมีความต้องการด้านสารอาหารต่างกันออกไป มาเริ่มกันที่ความต้องการด้านโภชนาการอาหารของลูกแมวหลังจากหย่านมแล้วมาต่อกันที่โภชนาการอาหารแมวที่เหมาะสำหรับแมวโตเต็มวัยกัน

อัพเดทสัตว์เลี้ยง มาใหม่ แนะนำเพิ่มเติม :  เผย 6 ความลับของแมวดำ ที่รู้แล้วจะรักเจ้าเหมียวมากขึ้น

เผย 6 ความลับของแมวดำ ที่รู้แล้วจะรักเจ้าเหมียวมากขึ้น

สารพัดเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแมวดำ ที่ใคร ๆ เชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของความโชคร้าย แต่ความจริงแล้วมีความน่ารักไม่แพ้แมวสีอื่น ๆ เลย

หลายคนน่าจะเคยได้ยินกันมาว่า แมวดำ เป็นตัวแทนแห่งความโชคร้ายและเรื่องลึกลับต่าง ๆ ประกอบกับรูปลักษณ์ภายนอกของมันที่มีขนสีดำตัดกับสีเหลืองสว่างของดวงตา ทำให้หลายคนรู้สึกกลัวหรืออาจจะไม่ชอบน้องแมวสายพันธุ์นี้ ซึ่งผลที่ตามมาก็คือ พวกมันมักจะถูกทอดทิ้งให้เป็นแมวจรจัด ไร้การดูแล ไม่ค่อยมีใครสนใจอยากเลี้ยง แต่ในความเป็นจริงแล้วแมวดำไม่ได้เป็นแมวที่น่ากลัวหรือนำความโชคร้ายมาให้อย่างที่หลายคนคิด และในวันนี้เราก็มีเรื่องเกี่ยวกับแมวดำที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้มาฝากกัน หากได้อ่านแล้วจะรู้สึกชอบพวกมันมากขึ้น

1. แมวดำไม่ใช่ชื่อสายพันธุ์

แมวดำไม่ใช่สายพันธุ์แมวโดยตรง แต่ Cat Fanciers’ Association หรือ CFA สมาคมแมวโลก ได้ให้การรับรองแมวว่ามีแมว 22 สายพันธุ์ที่มีขนสีดำปะปนอยู่ในสายพันธุ์ได้ ทั้งในแมวขนยาวและแมวขนสั้น เช่น เปอร์เซีย (Persian) สก็อตติช โฟลด์ (Scottish Fold) และเจแปนนิส บ๊อบเทล (Japanese Bobtail)

แต่อย่างไรก็ตาม แมวดำที่มีสีดำล้วนมีเพียงสายพันธุ์เดียว นั่นก็คือ แมวบอมเบย์ (Bombay) เป็นสายพันธุ์แมวที่พัฒนาขึ้นเมื่อปี 1950 จากการผสมพันธุ์ระหว่างแมวอเมริกัน ช็อตแฮร์ สีดำ (Black American Shorthair) กับแมวเบอร์มีสสีน้ำตาลเข้ม (Sable Burmes) แมวที่มีลักษณะคล้ายกับเสือดำตัวน้อย ขนดำขลับ และมีดวงตาเปล่งประกาย

2. แมวดำไม่ได้สื่อถึงลางร้ายเสมอไป

ความเป็นจริงแล้วในหลายประเทศทั่วโลก แมวดำ ถือเป็นแมวมงคลที่นำโชคในด้านต่าง ๆ ได้เหมือนกัน เช่น คนญี่ปุ่น ที่เชื่อว่าแมวดำช่วยนำความรักและโชคลาภมาให้ ในขณะที่ฝั่งยุโรปอย่างประเทศอังกฤษ เชื่อว่าหากได้รับแมวดำเป็นของขวัญจะทำให้ชีวิตคู่มีความสุข ส่วนในสกอตแลนด์ เชื่อว่าหากมีแมวดำปรากฏที่หน้าประตู หมายความว่าบ้านนั้นจะมีความเจริญรุ่งเรือง รวมไปถึงชาวฝรั่งเศส ก็มีความเชื่อว่าหากเลี้ยงแมวดำดี ๆ พวกมันก็จะนำความร่ำรวยมาให้ ถึงขนาดเรียกแมวดำว่า มันนี่ แคท (Money Cats) กันเลยทีเดียว

ส่วนความเชื่อเรื่องแมวดำเป็นลางร้ายนั้น สันนิษฐานกันว่าอาจจะมาจากตำนานกรีกโบราณในช่วงยุคกลาง ที่เล่าขานกันมาว่า หลังจากที่เทพีเฮราลงโทษคนรับใช้โดยการสาปให้กลายเป็นแมวดำ และแมวดำตัวนั้นก็ได้เข้าไปช่วยเหลือเฮคาเธ (Hecate) เทพีแห่งเวทมนตร์และคาถา เมื่อศาสนาคริสต์เผยแพร่ไปทั่วยุโรป และมองว่าผู้นับถือศาสนานอกรีตเป็นพวกเดียวกับปีศาจ พร้อมกับพยายามประณามการกระทำของคนกลุ่มนี้ ดังนั้น สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 9 จึงทรงร่วมมือกับแม่มด พร้อมประกาศว่าแมวดำเป็นสัญลักษณ์ของซาตานในปี ค.ศ. 1233 และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาแมวดำก็ถูกคิดว่าเป็นปีศาจที่ปลอมตัวมา หรือเป็นผู้ช่วยของผู้ที่บูชาปีศาจนั่นเอง

สัตว์เลี้ยง-แมวดำ

3. แมวดำเคยถูกบูชาให้เป็นเทพ

ในยุคสมัยอียิปต์โบราณ แมวดำถือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นตัวแทนของเทวีบัสเตต (Bastet) ผู้มีร่างกายเป็นสตรี แต่มีศีรษะเป็นแมว เทพแห่งความรักและความอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งยังมีผู้คนนับถือมากมาย เลยทำให้ผู้คนบูชา ปกป้อง รวมถึงมีการลงโทษสำหรับคนที่ฆ่าแมวด้วย นอกจากนี้ยังมีการนำภาพแมวไปใช้ในการทำเครื่องรางและเครื่องประดับสำหรับมอบเป็นของขวัญ เพราะเชื่อกันว่าจะช่วยปกป้องคนในบ้านจากความชั่วร้ายและนำความโชคดีมาให้อีกด้วย

ในวัฒนธรรมเซลติก เคยมีเรื่องเล่าของเคทซิท (Cait Sidhe) แมวดำที่มีเวทมนตร์ ซึ่งมีจุดสีขาวบนหน้าอกและเป็นที่รู้จักในนาม ราชาภูตแมว โดยตำนานเล่าว่า หากทิ้งนมไว้ให้ในคืนวันฮาโลวีน เคทซิทจะช่วยอวยพรให้กับคนคนนั้นและครอบครัว และนี่ก็อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้แมวดำมีความเกี่ยวข้องกับวันฮาโลวีนไปด้วยนั่นเอง

4. มีวันพิเศษสำหรับแมวดำด้วยนะ

ในขณะที่แมวส่วนใหญ่จะเชื่อว่าทุก ๆ วันคือวันของพวกมัน แต่สำหรับแมวดำนั้นจะมีวันพิเศษประจำปีเป็นของตัวเองเลย ซึ่งก็คือวันที่ 17 สิงหาคม โดยวันแมวดำแห่งชาตินี้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นการฉลองให้กับแมวดำและลบล้างความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับความโชคร้ายออกไป อีกทั้งยังตั้งขึ้นเพื่อทำให้ผู้คนเห็นคุณค่าและตระหนักถึงความสำคัญของแมวชนิดนี้นั่นเอง

5. แมวดำเปลี่ยนสีได้นะ

เนื่องจากแมวส่วนใหญ่มักชอบนอนอาบแดด แต่ถ้าหากแมวดำได้นอนอาบแดดแล้ว รังสียูวีจากแสงแดดจะเข้าไปทำลายเม็ดสีดำในขนของแมว ซึ่งทำให้สีขนซีดลงชั่วคราว จากสีดำสนิทจะกลายสีน้ำตาลเข้มที่ดูคล้ายกับสีสนิมได้ แต่ไม่ต้องห่วง เพราะเมื่อแมวผลัดขนแล้วก็จะกลับมามีขนสีดำเหมือนเดิมได้นั่นเอง

6. แมวดำส่วนใหญ่มีดวงตาสีเหลือง

ถึงแม้ว่าสีดวงตาของแมวจะมีสีที่ค่อนข้างหลากหลาย แต่แมวดำส่วนใหญ่จะมีดวงตาสีเหลืองหรือสีเหลืองทอง ซึ่งความตัดกันระหว่างขนสีดำกับดวงตาสีเหลืองนี้จะช่วยเพิ่มความลึกลับและโดดเด่นให้กับเจ้าแมวดำเป็นอย่างมากเลยล่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างหลังจากที่ได้อ่านเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับแมวดำกันไปแล้ว หวังว่าหลังจากนี้ทุกคนจะมองเจ้าเหมียวสีดำในแง่ดีและให้ความรักกับพวกมันกันมากขึ้นนะคะ

แนะนำข่าวสัตว์เลี้ยง อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : รัฐบาล ตั้งเป้า ปี 68 ไทยต้องปลอดโรคพิษสุนัขบ้า หมา-แมวต้องฉีดวัคซีน 80%

รัฐบาล ตั้งเป้า ปี 68 ไทยต้องปลอดโรคพิษสุนัขบ้า หมา-แมวต้องฉีดวัคซีน 80%

รัฐบาล ตั้งเป้า ปี 68 ไทยต้องปลอดโรคพิษสุนัขบ้า หมา-แมวต้องฉีดวัคซีน 80%

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งเป้า ปี 2568 “ประเทศไทยปลอดพิษสุนัขบ้า” สุนัขและแมว ร้อยละ 80 ต้องฉีดวัคซีน ปี 66 เร่งอบรมอาสาปศุสัตว์เพิ่ม 8,600 คน

รัฐบาล ตั้งเป้า

เพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้า เปิดเผยว่า รัฐบาลโดย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำลังขับเคลื่อนโครงการสัตว์ปลอดโรคคนปลอดภัยจากพิษสุนัขบ้า มุ่งให้ประเทศไทยเป็นประเทศ “ปลอดโรคพิษสุนัขบ้า” ภายในปี 2568

โดยมีแนวทางแก้ปัญหาโรคนี้ คือ การควบคุมประชากรสุนัขและแมว ซึ่งสัตว์เหล่านี้ต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของจำนวนสุนัขและแมวเป็นประจำทุกปี รวมทั้งการส่งเสริมความตระหนักรู้เรื่องโรคพิษสุนัขบ้าให้ประชาชน และเจ้าของสัตว์เลี้ยง เพื่อให้เกิดความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นและไม่ปล่อยทิ้งสัตว์ในพื้นที่สาธารณะ

ปัจจุบันกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำลังเร่งสร้าง “อาสาปศุสัตว์รุ่นใหม่” และพัฒนาอาสาปศุสัตว์เดิมที่มีอยู่แล้วให้มีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะในการปฏิบัติงานด้านการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่

สำหรับในปี 66 ตั้งเป้าไว้ที่ 8,600 คน อย่างน้อย 2 – 3 คน/ตำบล ทั้งนี้ อาสาปศุสัตว์ที่ผ่านการฝึกอบรมแล้วจะได้รับ

1. ใบประกาศนียบัตรผู้ผ่านการฝึกอบรม
2. บัตรประจำตัวอาสาปศุสัตว์
3. หนังสือมอบหมายให้ทำการฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าจากสัตวแพทย์ตาม พ.ร.บ.โรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ. 2535

รัฐบาลจึงขอเชิญชวนประชาชน ร่วมมือกันป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งทางกรมปศุสัตว์พร้อมอำนวยความสะดวกในเรื่องการฉีดวัคซีนแก่สุนัขและแมว โดยประชาชนที่สนใจสามารถประสานงานได้ที่อาสาปศุสัตว์หรือปศุสัตว์อำเภอทั่วประเทศ สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02 653 4444