“สหรัฐ”จับตาสินค้าจากท่าเรือไทย สวมสิทธิ์ส่งออกใช้แรงงานทาส

‘พาณิชย์’ เผย หลังสหรัฐจับตาสินค้า 5 ชาติรวมไทยส่งเข้าสหรัฐ สวมสิทธิแปลงสัญชาติสินค้าผลิตจากซินเจียง

ละเมิดมาตรการ UFLPA ใช้แรงงานทาส ละเมิดสิทธิมนุษชน พร้อมเฝ้าระวังสินค้าไทยใกล้ชิด หวั่นถูกสุ่มตรวจละเอียด ผู้ส่งออกเครื่องนุ่งห่มไทย เร่งปรับตัวเลี่ยงวัตถุดิบจีน

สหรัฐได้จับตาเรือสินค้าจาก 5 ประเทศ ประกอบด้วย จีน เวียดนาม ไทย มาเลเซียและศรีลังกา ที่อาจนำสินค้าจากซินเจียงมาแปลงสัญชาติสินค้าไปถึงสหรัฐ โดนกักแล้วเกือบ 500 ครั้ง และกำลังตรวจอีกพันกว่าชิปเม้นท์

ข่าวเศรษฐกิจ2566

การดำเนินการครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากสหรัฐได้ประกาศใช้มาตรการ The Uyghur Forces Labor Prevention Act (UFLPA) คือ ห้ามการนำเข้าสินค้าจากเขตซินเจียง ด้วยเหตุผลการใช้แรงงานทาสและละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยกฎหมายมีผลตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย.2565 และจะมีผลบังคับใช้ถึง 23 ธ.ค.2572 หรือจนกว่ารัฐบาลสหรัฐจะออกกฎหมายยกเลิกคำสั่ง

นางอารดา เฟื่องทอง รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สินค้าสำคัญที่ออกจากพื้นที่ดังกล่าว คือ ฝ้าย (20% ของฝ้ายที่ใช้ทั่วโลก) มะเขือเทศ และ Polysilicon (ส่วนประกอบในการผลิตแผงโซล่า 45% ของ polysilicon ที่ใช้ทั่วโลก)

รวมทั้งสินค้าที่เหลือที่อยู่ภายใต้ UFLPA คือ ส่วนประกอบสินค้าอิเล็กโทรนิกส์ รองเท้า ถุงมือ เส้นก๋วยเตี๋ยว สิ่งพิมพ์ (printed material) ของเล่น วิกผม รวมถึงสินค้าสำเร็จรูปที่ผลิตทั้งหมดหรือบางส่วนและส่งออกโดยตรงจากพื้นที่ สินค้าสำเร็จรูปที่ผลิตทั้งหมดหรือบางส่วนในพื้นที่และส่งออกจากประเทศที่ 3ในลักษณะ Transshipment หรือส่งเข้าไปประกอบสำเร็จรูปในประเทศที่ 3 ก่อนส่งออก สินค้าที่ผลิตโดยใช้วัตถุดิบที่มาจากพื้นที่

ทั้งนี้การตรวจสอบที่ด่านนำเข้าของหน่วยงานศุลกากรและการป้องกันชายแดนสหรัฐ หรือ Customs and Border Protection (CBP) จะเป็นในลักษณะตั้งข้อสงสัยไว้ก่อน โดยสินค้าที่สงสัยว่าจะมาจากเขตซินเจียงจะถูกคำสั่ง Withhold Release Order (WRO) สินค้าจะถูกกักที่ด่านนำเข้า

รวมทั้งจะให้เวลา 30 วันที่ผู้นำเข้าต้องเลือกที่จะส่งออกกลับออกไปยังประเทศต้นทาง หรือหาทางพิสูจน์ให้ได้ว่าสินค้าไม่ได้ผ่านการผลิตทั้งหมดหรือบางส่วนจากโรงงานที่ใช้แรงงานทาสในพื้นที่ หรือใช้วัตถุดิบจากพื้นที่

นอกจากนี้ ถ้า CBP เชื่อว่าเป็นสินค้าที่ไม่ได้ผลิตจากโรงงานทาสแล้ว CBP ต้องทำรายงานเสนอรัฐสภาภายใน 30 วัน แจ้งเหตุผลว่าทำไมถึงปล่อยผ่านสินค้า ส่วนผู้ฝ่าฝืน UFLPA จะถูกลงโทษที่อาจเป็นโทษอาญา โทษฐานฝ่าฝืนการแซงชั่น ฝ่าฝืนการควบคุมการนำเข้า นำสินค้าต้องห้ามเข้าสหรัฐ และบริษัทที่ทำผิดจะถูกห้ามส่งสินค้าหรือนำเข้าสินค้าไปสหรัฐ

นางอารดา กล่าวว่า ผลกระทบต่อประเทศไทย โดยจะมีการตรวจสินค้าจะเข้มข้นมากยิ่งขึ้น เพราะไทยเป็นหนึ่งในหลายประเทศต้องสงสัยและถูกจับตามมองว่าจะทำ Transshipment หรือใช้วัตถุดิบจากซินเจียง การตรวจที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้นอาจทำให้พบการฝ่าฝืนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับ UFLPA หรืออาจทำให้การนำเข้าพบอุปสรรค เสียเวลาเพิ่มขึ้นในการพิสูจน์ว่าไม่เกี่ยวข้องกับ ซินเจียง และประเทศไทยอาจเป็นแหล่งอุปทานทางเลือกอื่นของสินค้าที่ผลิตในเขตซินเจียง

“มาตรการดังกล่าวเริ่มใช้มาแล้ว 1 ปี และขณะนี้สินค้าไทยยังไม่ได้รับผลกระทบ แต่ทางกรมฯ ก็ให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด” นางอารดา กล่าว

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า มาตรการดังกล่าาวผู้ส่งออกที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่อยู่ภายใต้มาตราการ UFLPA โดยเฉพาะอุตสหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งหุ่มที่ต้องใช้เส้นฝ้ายได้มีการปรับตัวแล้วจากการใช้บังคับมาตรการดังกล่าวประกาศใช้มาแล้ว 1 ปี โดยได้หาแหล่งวัตถุดิบจากประเทศอื่นมาทดแทน เช่น เวียดนาม และถ้าสินค้าไทยถูกสุ่มตรวจก็มีความเสี่ยงต่ำที่จะละเมิดมาตรการ UFLPA

สำหรับสถานการณ์การค้าระหว่างไทยและสหรัฐในปี 2565 มีมูลค่ารวม 65,552 ล้านดอลลาร์ เทียบปีก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 16.53% โดยไทยส่งออกไปสหรัฐ มูลค่า 47,526 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13.40% และไทยนำเข้าจากสหรัฐ มูลค่า 18,025.94 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 25.69%

สินค้าส่งออกหลักของไทย ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น

สินค้านำเข้าหลักของไทย ได้แก่ น้ำมันดิบ แผงวงจรไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องบิน เครื่องร่อน อุปกรณ์การบินและส่วนประกอบ

ขณะที่เดือน ม.ค.2566 มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐ มีมูลค่าการค้ารวม 4,870 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7.18% ไทยส่งออกสินค้าไปสหรัฐมีมูลค่าการส่งออก 3,403 ล้านดอลลาร์ ลดลง 4.73 % และไทยนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ มูลค่า 1,466 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7.01%

สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และเครื่องนุ่งห่ม ขณะที่สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ และเครื่องโทรสาร โทรศัพท์ และส่วนประกอบ

ข่าวแนะนำ : เช็กเลย ราคาสินค้า หมู-ไก่-ไข่ไก่ ปรับตัวลดลง 3-9%

เช็กเลย ราคาสินค้า หมู-ไก่-ไข่ไก่ ปรับตัวลดลง 3-9%

พาณิชย์ติดตามราคาใกล้ชิด พบสินค้า หมู ไก่ และไข่ไก่ เฉลี่ยทั่วประเทศ ปรับตัวลดลง 3-9% ด้านสายด่วน 1569 มีร้องเข้ามา 808 เรื่อง ขณะที่ค่าไฟฟ้ารับกระทบต้นทุนสินค้า

วันที่ 10 มีนาคม 2566 ร.ต.จักรา ยอดมณี และนายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ค่าไฟฟ้ามีผลต่อต้นทุนการผลิตสินค้ามากน้อยต่างกัน รวมไปถึงการใช้พลังงานเพื่อผลิตสินค้าด้วย ดังนั้น มีผลต่อราคาไม่เหมือนกัน จึงระบุชัดเจนไม่ได้ว่ากระทบสินค้าเท่าไร แต่ก็ยอมรับว่ามีผลต่อต้นทุนการผลิต ส่วนแนวโน้มค่าไฟฟ้าจะปรับขึ้นหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแล กรมไม่สามารถบอกได้ แต่การดูแลราคาสินค้า กรมมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ พาณิชย์จังหวัดดูแลอย่างใกล้ชิด

ขณะที่สถานการณ์ราคาสินค้าช่วงสัปดาห์ที่ 2 (ณ 9 มี.ค. 66) ของเดือนมีนาคม 2566 เทียบกับเดือน กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่าราคาขายปลีกหมู ไก่ และไข่ไก่ เฉลี่ยทั่วประเทศ ปรับตัวลดลง 3-9% เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เช่น

  • หมูเนื้อแดง ราคาเฉลี่ย 149 บาท/กก. (ลดลง 9%) ไก่-น่องติดสะโพก ราคาเฉลี่ย 70 บาท/กก. (ลดลง 3%) น่องไก่ ราคาเฉลี่ย 72 บาท/กก. (ลดลง 4%) สะโพกไก่ ราคาเฉลี่ย 76 บาท/กก. (ลดลง 4%)
  • อกไก่ (ติดหนัง) ราคาเฉลี่ย 76 บาท/กก. (ลดลง 5%) และไข่ไก่ เบอร์ 3 ราคาเฉลี่ย 3.59 บาท/ฟอง (ลดลง 7%)

ทั้งนี้ ราคาสินค้าที่จำหน่ายในห้างและตลาดสดในแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกันตามช่องทางการขาย ค่าขนส่ง และการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย สำหรับห้างที่จำหน่ายราคาถูกที่สุดในช่วงนี้ (9 มี.ค. 66) เช่น หมูเนื้อแดง ราคาถูกสุดที่ 117 บาท/กก. จำหน่ายที่ห้างแม็คโคร ไก่น่องติดสะโพก ราคาถูกที่สุด 55 บาท/กก. น่องไก่ ราคาถูกที่สุด 57 บาท สะโพกไก่ ราคาถูกที่สุด 67 บาท/กก. จำหน่ายที่ห้างแม็คโคร

ส่วนอกไก่ (ติดหนัง) ราคาถูกที่สุด 65 บาท/กก. จำหน่ายที่ห้างแม็คโคร โลตัส และบิ๊กซี สำหรับไข่ไก่ เบอร์ 3 ราคาถูกที่สุด 3.30 บาท/ฟอง จำหน่ายที่ห้างแม็คโคร

ส่วนในตลาดสด ตลาดที่ขายหมูเนื้อแดงถูกสุดในประเทศ อยู่ที่ตลาดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย 130 บาท/กก. ถูกที่สุดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 140 บาท/กก. เช่น ตลาดฐานเพชรนนท์ ตลาดเงินวิจิตร ตลาดหลังห้างวันเดอร์ ตลาดหทัยมิตร ไก่-น่องติดสะโพก ถูกที่สุดในประเทศอยู่ที่ตลาดสดเทศบาล 1 จ.เชียงราย 56 บาท ถูกที่สุดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 65 บาท/กก.

เศรษฐกิจไทย

เช่น ตลาดฐานเพชรนนท์ ตลาดหลังห้างวันเดอร์ ตลาดทุ่งครุพลาซ่า และไข่ไก่ เบอร์ 3 ถูกที่สุดในประเทศอยู่ที่ตลาดตระกูลสุข จ.สระแก้ว และตลาดเทศวิวัฒน์ จ.ปัตตานี 3.0 บาท ถูกที่สุดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 3.50 บาท/ฟอง เช่น ตลาดใหม่สำโรง ตลาดลาดพร้าว 123 ตลาดหทัยมิตร และตลาดพรานนก

สำหรับน้ำมันปาล์ม ราคาเฉลี่ยทั่วประเทศ 46 บาท/ขวด (ลดลง 1% จากเดือนก่อน) ราคาถูกที่สุดอยู่ที่ห้างแม็คโคร 41.75 บาท/ขวด และน้ำมันถั่วเหลือง ราคาเฉลี่ยทั่วประเทศ 61 บาท ราคาถูกที่สุดอยู่ที่
ห้างโลตัส 57 บาท/ขวด

กระทรวงพาณิชย์ติดตามและสำรวจราคาอาหารสดและสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างต่อเนื่องประชาชนผู้บริโภคที่อยากจะหาซื้อของราคาถูก ก็ไปหาซื้อได้ตามที่แจ้งเอาไว้ อีกทั้งในช่วงนี้กระทรวงพาณิชย์โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัด มีการดำเนินโครงการพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน ออนทัวร์ทั่วไทย

โดยนำสินค้าอุปโภคบริโภคมาขายในราคาถูกกว่าท้องตลาด เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนอีกด้วย สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์กรม www.dit.go.th หรือ Facebook กรมการค้าภายใน DIT

นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า สำหรับการร้องเรียนสินค้าผ่านสายด่วน 1569 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 9 มีนาคม 2566 พบว่า มีเรื่องร้องเข้ามา 808 เรื่อง ดำเนินคดีไป 112 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นเรื่อง ไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า รองลงมาจำหน่ายสินค้าแพง และขายสินค้าไม่ตรงตามป้ายราคาที่แสดง

ส่วนกรณีที่ราคาจำหน่ายสุกรปรับลดลง กรมการค้าภายในได้มอบหมายสายตรวจพร้อมทั้งบูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมต่าง ๆ ในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อป้องปรามไม่ให้ผู้ค้ามีการฉวยโอกาสขายราคาเนื้อสุกรที่ผิดปกติที่จะส่งผลต่อกลไกราคาตลาดในประเทศ หรือไม่สอดคล้องกับราคาต้นทุนในการเลี้ยงสุกร ตลอดจนการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย เพื่อให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรมและป้องปรามมิให้มีการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าและเอาเปรียบผู้บริโภค

โดยตรวจสอบเป็นประจำทุกวัน และจากการลงพื้นที่ตลาดยิ่งเจริญ และตลาด เอ.ซี.สายไหม เพื่อตรวจสอบติดตามสถานการณ์ราคาจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค พบว่า ราคาสินค้าเคลื่อนไหวอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยังไม่พบพฤติกรรมการฉวยโอกาส และขอเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง

หากประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้าและบริการ สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ กรมจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและหากพบการกระทำความผิด จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

กรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคามีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท กรณีจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร กักตุนสินค้าและปฏิเสธการจำหน่ายต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

แนะนำข่าวเศรษฐกิจ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : น้ำมัน WTI ปิดบวก 98 เซนต์

น้ำมัน WTI ปิดบวก 98 เซนต์

น้ำมัน WTI ปิดบวก 98 เซนต์ รับคาดการณ์ดีมานด์ฟื้น-เฟดชะลอขึ้นดบ.

 

เศรษฐกิจ

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (12 ม.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้ออ่อนแรงลง ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงบวกจากความหวังที่ว่า การเปิดประเทศของจีนจะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 98 เซนต์ หรือ 1.27% ปิดที่ 78.39 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.36 ดอลลาร์ หรือ 1.65% ปิดที่ 84.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 6.5% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนพ.ย.ที่เพิ่มขึ้น 7.1% และเป็นการปรับตัวขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2564 นอกจากนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ทั้งนี้ การชะลอตัวของดัชนี CPI บ่งชี้ว่า เงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว และคาดว่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 90% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค. – 1 ก.พ. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ให้น้ำหนัก 76.7%

ตลาดยังได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า การเปิดประเทศของจีนจะช่วยกระตุ้นความต้องการใช้น้ำมัน โดยทีมนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 110 ดอลลาร์/บาร์เรลภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ เนื่องจากการเปิดประเทศของจีนจะเป็นปัจจัยหนุนความต้องการใช้น้ำมัน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการเดินทางด้วยเครื่องบิน รถไฟ และรถยนต์

นอกจากนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์ยังช่วยให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.87% สู่ระดับ 102.2910 เมื่อคืนนี้

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม คลิ๊กเลย >> ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565

ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565

ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 เปิดให้เช็กผลรอบที่ 3 แล้ว

ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน บัตรคนจน บัตรประชารัฐ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เริ่มเปิดให้เช็กผลการลงทะเบียนรอบที่ 3 แล้ว  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2565 กระทรวงการคลัง ได้ประกาศผล “สถานะการลงทะเบียน” ของโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (โครงการฯ) ปี 2565 ข้อมูลผู้ที่ลงทะเบียนในระหว่างวันที่ 5 – 22 ก.ย. 2565 พบว่าผู้ที่ลงทะเบียนที่มีสถานะแสดงข้อความว่า “กระทรวงการคลังได้รับข้อมูลการลงทะเบียนของท่านครบถ้วนแล้ว” มีจำนวนทั้งสิ้น 14,003,943 ราย และเมื่อตรวจสอบข้อมูลกับกรมการปกครองแล้ว พบว่า มีผู้ผ่านการตรวจสอบข้อมูลกับกรมการปกครอง จำนวนทั้งสิ้น 12,519,900 ราย สำหรับผู้ลงทะเบียนกลุ่มดังกล่าวเมื่อตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนจะพบข้อความว่า “สถานะการลงทะเบียนสมบูรณ์” ซึ่งผู้ลงทะเบียนกลุ่มดังกล่าวไม่ต้องดำเนินการใดๆ ในช่วงนี้ โดยขอให้รอผลการตรวจสอบคุณสมบัติอีกครั้ง ซึ่งจะประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนในช่วงเดือนมกราคม 2566 และผู้ลงทะเบียนที่มีสถานะแสดงข้อความว่า “สถานะการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์” เนื่องจากข้อมูลของผู้ลงทะเบียนไม่ตรงตามฐานข้อมูลของกรมการปกครอง มีจำนวนทั้งสิ้น 1,484,043 รายทั้งนี้ สำหรับผู้ลงทะเบียนที่พบข้อความว่า “สถานะการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์” เนื่องจากข้อมูลของผู้ลงทะเบียนไม่ตรงตามฐานข้อมูลของกรมการปกครอง ระบบจะขึ้นข้อความแสดงโดยระบุสาเหตุของการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์ ดังนี้

  • ผู้ลงทะเบียนเป็นพระภิกษุ/สามเณร/แม่ชี
  • ไม่พบข้อมูลของผู้ลงทะเบียน
  • สถานภาพบุคคลของผู้ลงทะเบียนไม่ถูกต้อง มีสถานะเสียชีวิต หรือย้ายไปต่างประเทศ หรือจำหน่าย
  • ผู้ลงทะเบียนไม่ได้มีสัญชาติไทย
  • ผู้ลงทะเบียนมีอายุต่ำกว่า 18 ปี หรือรูปแบบวันเดือนปีเกิดไม่ถูกต้อง
  • ผู้ลงทะเบียนมีคู่สมรส
  • ผู้ลงทะเบียนแจ้งข้อมูลคู่สมรสไม่ถูกต้อง
  • ผู้ลงทะเบียนแจ้งจำนวนบุตรครบถ้วน แต่หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของบุตรไม่ถูกต้อง
  • ผู้ลงทะเบียนแจ้งจำนวนบุตรไม่ครบถ้วน โปรดตรวจสอบจำนวนบุตรและข้อมูลเลขบัตรประชาชนของบุตรทุกราย

ข่าวเศษฐกิจ

ผู้ลงทะเบียนที่มี “สถานะการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์” สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้ ณ ที่ว่าการอำเภอ/สำนักงานเขต หากพบว่าข้อมูลไม่ถูกต้องขอให้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง หรือหากพบว่าข้อมูลที่ลงทะเบียนไม่ตรงกับข้อมูลทะเบียนราษฎร เช่น จำนวนบุตรที่อายุต่ำกว่า 18 ปี มีจำนวนมากกว่าข้อมูลบุตรที่ลงทะเบียนไว้ กรณีดังกล่าว หากเป็นผู้ที่ลงทะเบียนที่หน่วยงานรับลงทะเบียนจะต้องติดต่อขอแก้ไขข้อมูล ณ หน่วยงานรับลงทะเบียนที่ผู้ลงทะเบียนได้ยื่นแบบฟอร์มลงทะเบียนไว้เท่านั้น และสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์ สามารถติดต่อขอแก้ไขข้อมูลที่หน่วยงานรับลงทะเบียนใดก็ได้ โดยจะต้องแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในวันพฤหัสบดีที่ 3 พ.ย. 2565 อย่างไรก็ตาม สำหรับการดำเนินโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นการดำเนินการภายใต้พระราชบัญญัติการจัดประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์ในการลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มศักยภาพให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตลอดจนสนับสนุนโครงการที่ให้บริการทางสังคมแก่ประชาชน อันจะเป็นการแก้ไขปัญหาและพัฒนาเศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างยั่งยืน ซึ่งโครงการดังกล่าวมีความสำคัญในการจัดสรรสวัสดิการให้กับประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ในการลดภาระและบรรเทาค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของผู้มีรายได้น้อยให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างเท่าเทียม โดยโครงการฯ ได้รับการพิสูจน์จากอดีตที่ผ่านมาแล้วว่าเป็นโครงการฯ ที่เป็นประโยชน์และสามารถช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยได้อย่างแท้จริง ซึ่งกระทรวงการคลังคาดหวังว่าโครงการดังกล่าวจะยังคงสามารถช่วยเหลือและเป็นประโยชน์ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยได้ต่อไป.